[OS INFINITE] คนบาป 2 {Myungsoo x Seongyeol} FT. GyuWoo
ความสัมพันธ์ของพวกเขา มันคือความรัก ความใคร่ หรือแค่ลุ่มหลงในเรือนกายของกันและกัน ใครกันที่เป็นคนบาป และพวกเขาจะยุติตราบาปเหล่านี้ลงได้หรือไม่
ผู้เข้าชมรวม
696
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ พี่ซองกยู "
“ หืม ว่าไงเด็กน้อย"
“ ผมรักพี่นะ"
“ พี่ก็รักเราเหมือนกัน.............................."
V
V
V
V
V
V
“ อูฮยอนอ่า"
ใช่ครับ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก คนที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ซองกยูในตอนนี้ไม่ใช่ "อีซองยอล" ผู้ที่เป็นคนรักของพี่ซองกยู แต่เป็นผมต่างหาก "นัมอูฮยอน"
ทุกคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นคบชู้นอกใจคนรักของเราแต่จะใช้คำว่าชู้กับพวกผมสองคนมันก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะจะว่าไปแล้วผมนั้นมาก่อนซองยอล ในขณะเดียวกันพี่ซองกยูก็มาก่อนมยองซูเช่นกัน หลายคนคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด เอาเป็นว่าผมจะอธิบายให้ฟังล่ะกัน
ผมกับพี่ซองกยูเรารู้จักกันมานานแล้ว เราพบกันครั้งแรกที่นิวยอร์คซึ่งตอนนั้นพี่ซองกยูเดินทางไปดูงานที่นั่น ส่วนผมก็ไปเที่ยวที่นั่นในช่วงเวลานั้นพอดี แค่พบกันครั้งแรกเราก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันก่อนจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว จนสานสัมพันธ์กันต่อเมื่อพวกเรากลับมาที่โซล
แต่ความสุขระหว่างเรามันช่างสั้นนัก เมื่อธุรกิจของครอบครัวพี่ซองกยูประสบปัญหาอย่างหนักและก็ได้ประธานอีผู้เป็นพ่อของซองยอลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในทุกๆอย่าง ดังนั้นต่อมาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เลยเห็นดีเห็นงามที่จะให้พี่ซองกยูคบหากับซองยอลในที่สุด
“ พี่ซองกยู "
ผมเอ่ยเรียกพี่ซองกยู ร่างเปลือยเปล่าของเรายังคงแนบชิดอยู่อย่างนั้น
“ หืม....ว่าไงเด็กน้อย"
พี่ซองกยูจ้องตาเรียวเล็กมาที่ผม มือหนายังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของผม
“ ระหว่างอูฮยอนกับซองยอล พี่ชอบ.....เอ่อ.....ใครมากกว่ากัน"
ผมเอ่ยปากถามพี่ซองกยูอย่างเขินอายถึงเรื่องเปรียบเทียบบทรักระหว่างผมกับซองยอล หลายๆครั้งที่ผมแอบหวั่นไหวกลัวว่าพี่ซองกยูจะหลงใหลในตัวของซองยอลมากกว่าผม แค่คิดมันก็เจ็บเหลือเกิน
“ ถามอะไรแบบนั้น หืม "
“ ก็อูฮยอนอยากรู้นี่น่า"
ผมมองหน้าเขาอย่างอ้อนๆอยากรู้
“ อูฮยอนอ่า ก็ต้องเป็นนายสิ สุดที่รักของพี่"
พี่ซองกยูเอ่ยตอบก่อนจะรั้งร่างผมในอ้อมกอดเข้ามาใกล้กดจูบลงไปบนหน้าผากนวลนั้นอย่างแผ่วเบา
“ แน่ใจนะ "
ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อต้องการความมั่นใจ
“ แน่ใจสิ เราก็รู้ว่าสำหรับพี่แล้วการคบกับซองยอลมันก็แค่ผลประโยชน์เท่านั้น มันเป็นความต้องการของครอบครัวพี่ที่พี่ขัดไม่ได้"
พี่ซองกยูเอ่ยอย่างจริงจังเพื่อให้ผมรู้สึกมั่นใจ
“ ก็ผมกลัว ซองยอลออกจะน่ารักขนาดนั้น ผมกลัวพี่จะเปลี่ยนใจ"
ผมพูดแบบนั้นเพราะผมกลัวจริงๆนะ ซองยอลเป็นคนน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย ซ้ำยังเพียบพร้อมไปซะทุกๆอย่าง จะไม่ให้ผมกลัวได้อย่างไรกัน
“ อูฮยอนอ่า คนที่พี่รักมีอูฮยอนเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย"
พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้ผม
“ แล้วอูฮยอนล่ะ พี่กับมยองซูใครร้อนแรงกว่ากัน"
พี่ซองกยูเอ่ยถามผมบ้าง
“ มยองซู"
ผมเอ่ยตอบไปในทันที พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาน้อยใจเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อนที่ผมจะต้องเสียเวลาในการง้องอนคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดเขาเพราะการล้อเล่นของผมผมรีบเอ่ยกับพี่ซองกยูต่อออกไปในทันที
“ มยองซูเขาก็แค่ร้อนแรง แต่กับพี่ผมสำลักความสุขจนแทบจะขาดใจตายแล้ว"
ผมเอ่ยพร้อมเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าหล่อเบาๆอย่างเอาใจ
" พูดแบบนี้อยากจะสำลักความสุขอีกซักรอบไหมล่ะ "
พี่ซองกยูหรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“ พี่คิดว่าผมกลัวหรอ" ผมตอบกลับไปพร้อมส่งสายตายั่วยวนท้าทายไปให้
“ นายท้าพี่เองนะเด็กน้อย "
พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงราวกับจะกลืนกินผมลงไปทั้งตัว
“ ไม่ได้ท้า แค่อยากพิสูจน์ แต่อย่าทำรอยล่ะ ผมขี้เกียจหาข้ออ้างโกหกมยองซู"
“ ก็ใช้วิธีแบบซองยอลสิ"
“ เหอะ!!! วิธีงี่เง่านั่นนะหรอ มีแต่เด็กน้อยอย่างซองยอลใช้เท่านั้นแหละ"
ผมเอ่ยออกมาเมื่อนึกถึงซองยอลผมกับพี่ซองกยูไม่ได้โง่นะที่จะมองไม่ออกว่าซองยอลพันผ้าพันคอหนาเตอะทั้งๆที่อากาศก็เริ่มร้อนแล้วไปทำไมกันถ้าไม่ใช่ต้องการที่จะปกปิดร่องรอยอะไรบางอย่างบนซอกคอขาวของเจ้าตัวนั่น
“ แต่พี่อยากทำนี่น่า " พี่ซองกยูยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“ แต่ว่า..."ผมลังเลเล็กน้อย
“ เดี๋ยวนี้อูฮยอนเห็นมยองซูสำคัญกว่าพี่แล้วหรอ น่าน้อยใจจริงๆ"
พี่ซองกยูทำสีหน้าน้อยใจ
“ เปล่านะ สำหรับอูฮยอนแล้ว พี่ซองกยูสำคัญที่สุด มยองซูก็แค่ผู้ชายที่เป็นเหมือนสะพานพาอูฮยอนมาเจอกับพี่กยูก็เท่านั้น"
ผมรีบบอกเขา พี่ซองกยูยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของผม
“ พูดได้น่ารักมาก แบบนี้พี่คงต้องให้รางวัลซะหน่อยล่ะ"
พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมส่งแววตากระหายมาให้ผม ผมรู้งานโดนที่พี่ซองกยูไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาอีกผมเอื้อมแขนของผมไปโอบรอบคอพี่ซองกยูไว้แล้วรั้งใบหน้าหล่อเข้ามารับจูบจากผม เรามัวเมากับรสจูบของกันและกันอยู่เนิ่นนานก่อนจะเริ่มต้นบทรักบทใหม่ที่ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนเรื่องที่ผมใช้มยองซูเป็นสะพานนั้นเป็นความจริงทุกๆอย่าง เพราะหลังจากที่ผมเป็นฝ่ายเดินออกมาจากชีวิตพี่ซองกยูเพื่อหลีกทางให้พี่ซองกยูคบกับซองยอล ผมพยายามที่จะตัดใจจากเขาแต่ผมก็ทำไม่ได้การลืมใครที่เรารักมากไปซักคนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พบกับมยองซูโดยบังเอิญและเมื่อได้รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องยังไงกับพี่ซองกยู ผมก็ตอบรับคบหากับมยองซูในทันทีโดยไม่ลังเล
ผมอาจดูเหมือนคนโง่ที่ยอมทำทุกวิธีทางแม้กระทั่งยอมมอบกายให้กับคนที่ไม่ได้รัก เพียงแค่จะได้เห็นหน้าพี่ซองกยูเท่านั้น พี่ซองกยูดูตกใจมากเมื่อได้พบผมอีกครั้ง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาและเขาเองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักผมเช่นกันตามที่ผมต้องการ
แต่สุดท้ายเราสองคนก็ทนต่อเสียงหัวใจที่ร่ำร้องหากันไม่ได้ เราแอบพบกันและแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างหลบๆซ่อนๆ ในช่วงแรกๆนั้นผมและพี่ซองกยูต่างรู้สึกผิดต่อมยองซูและซองยอลเหมือนกัน มันดูเป็นการโหดร้ายเกินไปที่พวกผมจะลากพวกเขาสองคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยเข้ามาในวังวนแห่งความปรารถนาของผมและพี่ซองกยู
แต่แล้ววันหนึ่งผมกับพี่ซองกยูก็คิดผิด เมื่อเราสองคนจับได้ว่ามยองซูและซองยอลแอบลักลอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวต่อกัน แต่เราก็แกล้งทำเป็นเฉย แกล้งเป็นคนโง่ในสายตาพวกเขา เพราะอะไรงั้นหรอก็เพราะว่าผมกับพี่ซองกยูจะได้หาโอกาสพบกันได้ง่ายขึ้นยังไงล่ะ ซ้ำผมสองคนก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อคนรักของเราอีกต่อไป
ผมกับพี่ซองกยูมักใช้เวลาที่มยองซูและซองยอลโกหกเราเพื่อลอบพบกันเป็นโอกาสสำคัญให้เราสองคนได้นัดพบกันไปด้วย อย่างวันนี้ก็เช่นกันจริงๆแล้วมันคือแผนของพี่ซองกยูและผมเองต่างหากล่ะ เมื่อพี่ซองกยูโทรมาบอกผมว่าเขานัดซองยอลไว้ที่ร้านอาหารร้านนั้น ผมก็ไม่รอช้าที่จะต่อสายไปหามยองซูอ้อนเขาว่าอยากมาทานอาหารที่ร้านนี้ แค่นั้นเราทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันที่ร้านอาหารนั้นจนดูคล้ายเรื่องบังเอิญ ผมนั้นรู้ทันมยองซูอยู่แล้วว่าคนอย่างมยองซูถ้าได้เจอหน้าซองยอลแล้วเขาต้องหาเรื่องออกไปกับซองยอลแน่ๆ แต่ว่ามยองซูกลับใจร้อนกว่าที่ผมคิดเยอะ ภายใต้ผ้าคลุมโต๊ะมิดชิดนั้นคิดหรอว่าผมกับพี่ซองกยูจะมองไม่ออกว่าคนทั้งคู่กำลังแอบทำอะไรกัน แค่มองสีหน้าของซองยอลพวกผมก็อ่านออกแล้ว ผมกับพี่ซองกยูก็เลยแกล้งคุยนู้นคิดนี่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำอะไรกันสมใจ สุดท้ายหลังจากซองยอลและมยองซูออกไปจากร้านอาหารแล้ว ก็เป็นโอกาสของผมและพี่ซองกยูที่พากันออกมาหลังจากนั้น
ผมกับมยองซูเรามีความสัมพันธ์กันค่อนข้างบ่อยเพราะมยองซูเป็นคนที่มีความต้องการในเรื่องพวกนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกติดังนั้นผมจึงขอร้องไม่ให้พี่ซองกยูทำรอยบนร่างของผมเพื่อไม่ให้มยองซูสงสัย จนพี่ซองกยูก็อดที่จะน้อยใจผมไม่ได้ในหลายๆครั้ง ที่ผมต้องทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้มยองซูจับได้ผมยังต้องพึ่งพามยองซูเอาไว้ก่อนในเมื่อพี่ซองกยูเองก็ไม่สามารถเลิกกับซองยอลได้เพราะเรื่องธุรกิจและครอบครัว มันก็คงมีแต่วิธีนี้วิธีเดียวแล้วที่พวกเราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันโดยที่ไม่มีใครสงสัย
จะว่าไปแล้วมยองซูเองก็เป็นผู้ชายที่แทบจะไม่มีที่ติอันใดหากผมจะคบหากับเขา เขาทั้งหน้าตาดี ครอบครัวก็ร่ำรวย ไหนจะบทรักของมยองซูที่ค่อนข้างเร่าร้อนผมยอมรับว่าในหลายๆครั้งผมแอบหวั่นไหวสุขสมไปกับบทรักของเขาแต่มันก็แค่ความใคร่ แค่เรื่องบนเตียง แต่เรื่องหัวใจมันคนละเรื่องกัน เพราะหัวใจของผมมันมีแค่พี่ซองกยูคนเดียวเท่านั้น
ในบางครั้งผมก็แอบสงสารมยองซูเหมือนกันนะที่เขาเพียรพยายามโกหกผมด้วยวิธีโง่ๆอย่างเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ที่เขาใช้มุกโทรศัพท์โทรหาตัวเองเพื่อหาทางออกไปพบซองยอล เขาคงคิดว่าผมโง่มากสินะที่ไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของเขา ผมก็แค่แกล้งโง่เพื่อจะได้ออกมากับพี่ซองกยูก็เท่านั้นช่างน่าสงสารจริงๆ
ผมเดินลงมาจากคอนโดพี่ซองกยูอย่างเหนื่อยอ่อน จะไม่ล้าและเพลียได้อย่างไร ก็พี่ซองกยูรักผมไปไม่รู้ตั้งกี่รอบจริงๆพี่ซองกยูจะไปส่งผมถึงคอนโดแต่ติดที่แม่ของเขาโทรมากะทันหันว่าจะมาหาที่คอนโดค่ำนี้ ผมเลยต้องรีบออกมาก่อนส่วนพี่ซองกยูต้องอยู่รอรับหน้าแม่ของเขา หลายคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นกล้ามากเกินไปที่ใช้คอนโดเป็นรังรักของเรา ไม่หรอกครับ ไม่ค่อยมีใครมาที่คอนโดพี่ซองกยูบ่อยนักไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเขาหรือแม้แต่ซองยอลเองก็มาที่นี่แทบนับครั้งได้และในแต่ละครั้งที่มาซองยอลมักจะบอกพี่ซองกยูล่วงหน้าเสมอเป็นปกตินิสัย
แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเท้าแล้วพาร่างตัวเองหลบซ่อนเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างของผู้เป็นแม่ของพี่ซองกยูกำลังเดินมาข้างกายนั้นมีร่างบางของซองยอลเดินคุยกันมาด้วย ใบหน้าของแม่พี่ซองกยูเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามพูดคุยกับคนข้างๆ ผมมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บที่ใจจนรู้สึกชา ผมรู้สึกอิจฉาซองยอลเหลือเกินนอกจากเขาจะได้ครอบครองตัวพี่ซองกยูแล้วซองยอลยังได้หัวใจของคนในครอบครัวพี่ซองกยูไปอีก ผมขับรถกลับมาที่คอนโดของตนเองทั้งน้ำตา มันเจ็บ เจ็บเหลือเกินที่เหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของพวกเขาผมปาดน้ำตาตัวเองทิ้งจนหมดกลับมาเป็นคนที่เข้มแข็งเหมือนเดิม ในเมื่อผมเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ผมก็ต้องยอมรับกับโชคชะตาและความทรมาณพวกนี้มันให้ได้
ผมเปิดประตูคอนโดพาร่างตนเองเข้าไปด้านในก่อนจะปิดลงแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกโอบกอดจากด้านหลัง แผ่นหลังผมแนบชิดกับเจ้าของอ้อมกอดนั้นอะไรบางอย่างนูนดันอยู่ตรงสะโพกด้านหลังของผมใบหน้าของคนด้านหลังคลอเคลียอยู่ตรงใบหูและซอกคอของผมไปมา ผมพอตั้งสติได้ผมก็พอรู้ว่าคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดคือใครสัมผัสที่แสนคุ้นเคยไม่น้อยไปกว่าสัมผัสที่คุ้นเคยของพี่ซองกยู
“ มยองซู " ผมเอ่ยเรียกชื่อเขา
“ คิดถึงจัง รอตั้งนาน ไปไหนมาหรอ"
มยองซูเอ่ยถามผม มือหนาเริ่มซุกซนรุกล้ำไปตามร่างกายของผม
“ ไปช็อปปิ้งมา แล้วที่โรงงานโอเคแล้วหรอ"
“ โอเคแล้ว "
มยองซูตอบผมก่อนจะรั้งร่างผมให้แนบชิดร่างเขามากยิ่งขึ้นจนอะไรบางอย่างของเขาดุนดันที่สะโพกของผมมากกว่าเดิม ริมฝีปากหยักของเขาเริ่มขบเม้มตามใบหูและซอกคอของผมไปมาจนผมเสียววาบในอก
“ ไม่เอาน่ะมยองซู วันนี้อูฮยอนรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย"
ผมปฎิเสธเขาไป แค่พี่ซองกยูเพียงคนเดียวผมกลับมาถึงคอนโดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าวันนี้เพิ่มมยองซูเข้าไปอีกคนผมมีสิทธิ์ตายได้เลยนะ
“ นะ อูฮยอนนะ ฉัน.....ไม่ไหวแล้ว"
มยองซูกระซิบข้างหูผมด้วยเสียงกระเส่าบ่งบอกถึงความต้องการที่มีอย่างมากล้น ไหนจะส่วนสัดตรงนั้นของมยองซูที่ยังคงดุนดันสะโพกด้านหลังผมไม่หยุดที่เป็นตัวช่วยในการยืนยัน
“ ม่ะ ไม่...เอา"
ผมพยายามเอ่ยปากห้ามมยองซู แต่ไม่เป็นผมสำเร็จ มยองซูรั้งตัวของผมเข้ามาที่ห้องรับแขกแล้วกดผมลงนอนราบไปกับพื้นพรมแล้วทาบทับร่างของตนลงมา
CUT PART
^
^
^
^
^
เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนผมไม่อาจนึกได้เพราะหลังจากบทรักครั้งที่เท่าไรไม่รู้จบลงผมก็หลับสนิทไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมยองซูพาผมมานอนที่เตียงนอนเมื่อลืมตาตื่นมาได้ผมก็ลากสังขารร่างกายที่แทบจะแตกดับเข้าไปในห้องน้ำโดยที่มยองซูยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างๆผม ผมเปิดน้ำจนเต็มอ่างอาบน้ำก่อนจะลากร่างที่ปวดร้าวไปทั้งสะโพกลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำนั่น
" โอ๊ยยยยย "
ผมร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อสะโพกด้านหลังสัมผัสกับพื้นแข็งๆของอ่างอาบน้ำผมร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบทนไม่ไหว ซ้ำยังรู้สึกสมเพชเวทนาในชีวิตตัวเองเสียเหลือเกิน
หลังจากที่ปลดปล่อยหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำจนสาแก่ใจ ผมก็สวมชุดคลุมอาบน้ำลากร่างตัวเองออกมาจากห้องน้ำ มยองซูไม่ได้นอนอยู่ที่เตียงแล้วพลันผมได้ยินเหมือนเสียงของมยองซูกำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่ภายในห้องรับแขก ด้วยความอยากรู้ที่มีมากกว่าร่างกายที่วิงวอนอยากจะพักผ่อน ผมจึงเปิดประตูห้องนอนพาร่างกายตรงไปยังห้องรับแขกโดยเคลื่อนไหวตัวเองให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มยองซูรู้ตัว
" นี่ เสียงเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวอูฮยอนก็ได้ยินหรอก”
เสียงนั่นเสียงช่างเหมือนซองยอลเหลือเกิน
" ป่านนี้อูฮยอนอาบน้ำเสร็จสลบคาเตียงไปแล้วมั้ง ก็ฉันจัดไปตั้งหลายยก"
มยองซูเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ
" หึ มีความสุขมากสินะ หมั่นไส้"
เสียงหวานๆซองยอลแว่วมาอีกครั้งย้ำความแน่ใจของผม ผมขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดก็ได้คำตอบ มยองซูกำลังเฟสไทม์กับซองยอลอยู่นั่นเอง
" ก็ใครกันล่ะ ตัวเองสบายตัวไปคนเดียว พอคุณอาโทรมาหน่อย นายก็ทิ้งฉันไปกลางคัน อารมณ์ฉันมันค้างเติ่งแค่ไหน นายรู้ไหม ถ้าไม่ได้อูฮยอนนี่แย่เลย"
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น รู้สึกโกรธกับคำพูดพวกนั้น นี่ที่มยองซูกระหายระบายอารมณ์ลงกับเรือนร่างของผมไม่ยั้งก็เพราะอารมณ์ค้างกับซองยอลมา
“ สมน้ำหน้า อยากหื่นดีนัก ก็แม่พี่ซองกยูเขาอยากให้ฉันไปช่วยเลือกของให้ลูกชายเขา "
“ นายไม่ไปคุณอาเขาก็เลือกได้ อยากจะไปหาพี่ซองกยูก็บอกมาสิ"
“ ถ้าใช่แล้วจะทำไม วันนี้ฉันมีเดทกับพี่ซองกยูแท้ๆ ใครกันล่ะหื่นไม่รู้เวลา ร้านอาหารก็ไม่เว้น"
“ แล้วตื่นเต้นดีไหมล่ะ พรุ่งนี้ว่างม่ะ เราไปต่อที่ค้างๆกันเถอะ"
“ น้อยๆหน่อยหัดเกรงใจอูฮยอนบ้าง หื่นให้มันน้อยๆหน่อย"
“ ก็เกรงใจอยู่ แต่นายมันน่ากลืนกินทั้งตัวขนาดนี้นี่น่าซองยอล ใครมันจะอดใจไหว"
“ พอเลยๆ ไหนบอกรักนัมอูฮยอนนักหนาไง ดูพูดเข้าถ้าอูฮยอนได้ยินจะรู้สึกยังไง"
“ ฉันไม่ได้รักอูฮยอนอูฮยอนเขาแค่น่าสงสาร ไม่รู้สิเวลาฉันมองตาเขาแล้วอดสงสารเขาไม่ได้ ”
“ จะบ้าหรอ ใครเขาคบกันเพราะความน่าสงสาร ”
“ ฉันพูดจริงๆ แล้วนายล่ะรักพี่ซองกยูบ้างไหม ”
“ ไม่รู้สิ ตอบไม่ได้ แค่รู้สึกดีและผูกพันมั้ง ”
“ ถ้างั้นทำไมนายไม่เลิกกับพี่ซองกยูแล้วมาคบกับฉันแทนล่ะ ”
“ เป็นไปไม่ได้หรอก พี่ซองกยูไม่ได้ผิดอะไรฉันทิ้งเขาไม่ได้หรอกอีกอย่างถ้าทำอย่างนั้นแล้วอูฮยอนล่ะ นายจะทิ้งอูฮยอนมาคบกับฉันได้จริงหรอ ”
มยองซูนิ่งคิดไปกับคำตอบนั้นไปชั่วอึดใจ ผมแอบลุ้นกับคำตอบนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักแต่ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่ผมคบกับมยองซูนั้นมันก็มีความผูกผันต่อกันไม่น้อย
“ ไม่ได้เหมือนกัน ฉันก็ทิ้งอูฮยอนไม่ได้ ”
มยองซูตอบซองยอลไปแบบนั้น ผมแอบรู้สึกดีอยู่ในใจ อย่างน้อยมยองซูก็ยังรู้สึกผูกผันกับผม อย่างน้อยผมก็ยังมีค่ากับเขาถึงแม้จะเป็นแค่ความสงสารก็เถอะ
“ แต่ฉันชอบนายจริงๆนะซองยอล ไม่เคยชอบใครเท่านายเลย ”
อยู่ๆมยองซูก็เอ่ยโพล่งออกมา ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินกลับเข้าห้องนอนลง ก่อนจะหยุดนิ่งฟังคำพูดของคนทั้งสองต่อ
“ นายแอบกินเหล้ามาเปล่าเนี่ย เมาแล้วพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ”
เสียงซองยอลตอบมาอย่างไม่เชื่อ
“ เปล่า ฉันพูดจริงๆนะ แรกๆระหว่างเรามันเกิดขึ้นเพราะเรื่องอย่างว่า แต่นับวันฉันก็เริ่มรู้สึกว่าฉันขาดนายไม่ได้แล้ว ซองยอล ”
“ มยองซู นายต้องแยกให้ออกนะ นายขาดฉันไม่ได้เพราะอะไรกันแน่ เพราะฉันจริงๆหรือแค่ร่างกายฉัน ”
“ แล้วถ้าฉันตอบว่าเพราะนายล่ะ นายจะเปลี่ยนใจมาคบกับฉันไหม ”
ซองยอลนิ่งเงียบไปกับคำถามนั้น ผมลุ้นกับคำตอบของซองยอลเพราะหากว่าซองยอลตอบตกลง นั่นก็หมายความว่าพี่ซองกยูจะเป็นอิสระจากซองยอลในทันที
“ ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ”
ซองยอลตอบคำถามนั้นในที่สุด ผมแอบเสียใจกับคำตอบที่ผมก็รู้ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก
“ คงเป็นอย่างนั้นสินะ ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ก่อนถามล่ะ แล้วนายล่ะเคยชอบฉันบ้างไหม ”
เสียงมยองซูดูเบาลงไปแทบไม่ได้ยิน
“ ชอบในความหมายนายคืออะไรล่ะ รู้สึกดีเมื่อเจอกัน คิดถึงยามไม่เห็นหน้า เป็นห่วงอีกคนแบบไม่มีเหตุผล แอบไม่พอใจเวลานายอยู่กับคนอื่นทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์ แบบนี้เรียกว่าชอบหรือเปล่า ถ้าใช่ก็คงแปลว่าฉันชอบนายเข้าจริงๆ ”
“ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะมยองซู ในเมื่อตอนนี้เราสองคนต่างมีเจ้าของกันแล้ว เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว” เสียงซองยอลเศร้าลงไปถนัดใจ
“ เราคงเจอกันช้าไปใช่ไหมซองยอล ”
“ เราไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรก แล้วทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาเลยต่างหาก สิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันเป็นบาปนะมยองซู ”
“ ฉันรู้ แต่ฉันก็พร้อมที่จะทำบาปถ้าเป็นนาย แล้วนายล่ะซองยอล ยังอยากจะทำบาปกับฉันอยู่ไหม ”
“ ฉันไม่รู้ว่าผลกรรมที่เราจะได้รับมันจะเป็นยังไง จะทุกข์ทรมาณหนักหนาสาหัสซักแค่ไหน แต่ฉันก็พร้อมที่จะยอมรับโทษพวกนั้นไปพร้อมๆกับนาย มยองซู ”
ผมเดินหนีออกมาจากตรงนั้นตรงกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง ยอมรับว่าทนฟังคำพูดพวกนั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเศร้าใจไปกับความสัมพันธ์หลบซ่อนของมยองซูและซองยอล ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าเคยโกรธและเกลียดพวกเขาที่ทำอะไรกันลับหลังเหมือนผมเป็นคนโง่โดยไม่ย้อนดูตัวเองเลยว่าผมและพี่ซองกยูเองก็ไม่ได้ต่างจากคนทั้งคู่เลย จริงอยู่ที่ผมและพี่ซองกยูอาจจะคบหากันมาก่อน แต่ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างเลิกรากันไปแล้วและต่างมีคนรักใหม่ ดังนั้นสิ่งที่ผมและพี่ซองกยูกำลังทำก็เลวและบาปไม่ได้น้อยไปกว่าสิ่งที่มยองซูและซองยอลทำเลย ผมและพี่ซองกยูก็เป็นฝ่ายที่สวมเขาให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ผมพยายามไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการคบชู้จนไปยกข้ออ้างที่ผมและพี่ซองกยูมาก่อนซึ่งมันเป็นข้ออ้างที่ช่างงี่เง่ายิ่งนัก
ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาชะล้างความผิดบาปที่อยู่ในใจ ผมเหลือบมองแท่งแม่เหล็กลายสวยที่บรรจุในกล่องวางบนโต๊ะข้างเตียง ผมชอบลายเพ้นท์ของมันซึ่งดูเก๋และสวยดีจึงซื้อมาเก็บไว้ ผมเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาดูจากกล่อง น่าแปลกตั้งแต่ผมซื้อมันมาทั้งชุดพึ่งสังเกตเห็นว่ามันมีอยู่สี่ชิ้น สองชิ้นแรกเป็นสีน้ำเงิน มีลายเขียนต่อกัน อีกสองชิ้นเป็นสีแดงมีลายเขียนต่อกันเช่นกันแต่น่าแปลกที่ทั้งสี่อันกลับสลับคู่ทั้งสีและลายอยู่ แม่เหล็กติดกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างกัน ผมลองหยิบอันที่เป็นสีแดงสองชิ้นเปลี่ยนมาจับคู่ให้ติดกันปรากฎว่ามันผลักออกจากกัน ผมจึงลองหยิบอันที่เป็นสีน้ำเงินสองชิ้นมาทดลองบ้างผลปรากฎว่ามันก็ผลักกันเช่นกัน หลังจากนั้นผมจึงลองเปลี่ยนเป็นเอาสีน้ำเงินกับสีแดงอย่างละชิ้นมาติดกันเหมือนเดิมปรากฎว่ามันติดกันสนิททั้งๆที่ลายบนแม่เหล็กไม่ได้ต่อเนื่องกัน แล้วเมื่อลองทำกับอีกสองชิ้นที่เหลือมันก็ติดกันเช่นกัน
ผมมองแม่เหล็กในมือนิ่งอยู่นาน คนที่ทำกล่องแม่เหล็กชุดนี้เหมือนจะบอกความนัยอะไรบ้างอย่างซ่อนอยู่ แม่เหล็กสี่อันนี้คงจะเหมือนกับชีวิตของผม พี่ซองกยู มยองซูและซองยอลสินะ สีที่เหมือนกันและลายที่เหมือนกันคือความรู้สึกในใจที่มีต่อกันและตรงกันระหว่างผมกับพี่ซองกยู มยองซูและซองยอล แต่เรากลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เพราะเราจะถูกผลักออกจากกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่เหล็กพวกนั้น แต่ถ้าหากเราสลับไปอยู่กับอีกคนนึงเหมือนแม่เหล็กที่ต่างสีลายไม่ต่อเนื่องอยู่ด้วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีแรงผลักดันใดๆภายในกล่องๆนั้น เหมือนชีวิตของพวกผมสี่คนที่ต้องสลับขั้วกันแบบนี้กันต่อไป
หากการกระทำของมยองซูและซองยอลคือการทำบาป
ผมกับพี่ซองกยูก็คงทำบาปนั้นมากมายไม่ต่างกัน
หากมยองซูกับซองยอลต้องยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่พวกเขาได้ทำด้วยกัน
ผมกับพี่ซองกยูก็พร้อมที่จะยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่เราสองคนได้ทำไว้เช่นกัน
หากมยองซูและซองยอลคือคนบาป
ผมและพี่ซองกยูก็คือคนบาปเช่นกัน
แต่ถึงรู้ว่ามันเป็นบาป ถึงรู้ว่าจะต้องรับผลกรรมที่แสนสาหัส
แต่ผมก็พร้อมที่จะจับมือพี่ซองกยูเอาไว้ยอมผิดบาปไปด้วยกัน
แล้วคุณล่ะ คุณจะยอมเป็นคนบาปเหมือนพวกผมสี่คนไหม
คุณยังมีทางเลือกมากมายให้ได้เลือกเดิน
อย่าปล่อยให้ความรักมาทำให้คุณหลงผิดมองไม่เห็นว่าอะไรดีหรือชั่ว
อย่าปล่อยให้ความรักมาบดบังสามัญสำนึกที่คุณมีไปจนหมดสิ้น
ความรักอาจทำให้คุณเปี่ยมไปด้วยความสุข
แต่ความรักก็อาจทำให้คุณทุกข์ทรมาณดั่งตายทั้งเป็น
อย่าให้ความรักทำร้ายพวกคุณเหมือนที่กำลังทำร้ายพวกผมสี่คนอีกเลย
TALK...
ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคภาคต่อจากฟิคเรื่องคนบาปนะ
บางคนอาจจะเคยอ่านในบอร์ทอินฟินิทไทยแลนด์มาแล้ว
ตอนแรกเรากะว่าจะไม่ลงเรื่องนี้ในเด็กดีเพราะภาคที่แล้วโดนแบนไป
แต่มาคิดๆดูแล้วให้มาอยู่ด้วยกันดีกว่าเนอะ
ฟิคแค่ติดเรทนิดหน่อยนะคะ เราตัดส่วนที่เรทออกไปเพื่อไม่ให้โดนแบน
อาจทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเต็มล่ะก็
เมนชั่นมาขอลิ้งก์บล็อกเราได้ที่ Twitter
ผลงานอื่นๆ ของ INSPIRIT_LN ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ INSPIRIT_LN
ความคิดเห็น